Last updated: 9 ก.ค. 2568 | 25 จำนวนผู้เข้าชม |
ทำไมช่างถึงเลือกใช้ “กล้องระดับ” ในการสร้างบ้าน?
ช่างส่วนใหญ่มักเลือกใช้ กล้องระดับ (Auto Level) ในงานสร้างบ้านมากกว่าเครื่องมืออื่น ๆ เพราะกล้องระดับมี ความแม่นยำ, ใช้งานง่าย, และ ตอบโจทย์งานก่อสร้างแนวราบได้ตรงจุดที่สุด โดยเฉพาะในขั้นตอนสำคัญ เช่น วางระดับพื้น, ตั้งระดับคาน, เทปูน, ปรับดิน, ตรวจพื้นเอียง ฯลฯ
✅ 1. แม่นยำมากในการวัด “ระดับความสูง”
กล้องระดับสามารถอ่านค่าความต่างระดับได้ละเอียดระดับ มิลลิเมตร
เหมาะกับงานวางระดับพื้น, คาน, พื้นที่ต้องมี slope (ทางน้ำไหล)
เช่น: ต้องการให้พื้นห้องน้ำเอียง 1 ซม. ต่อ 1 เมตร → ใช้กล้องระดับวัดได้ชัดเจนกว่าไม้ระดับ
✅ 2. ตั้งง่าย ใช้งานเร็ว แม้คนเดียวก็ใช้ได้
ตั้งกล้องบนขาตั้ง + อ่านค่าไม้สต๊าฟได้เลย ไม่ต้องตั้งระยะเท่ากันสองฝั่งเหมือนเครื่องมือบางประเภท ถ้ามีผู้ช่วยถือไม้สต๊าฟ → ทำงานได้รวดเร็วแม่นยำยิ่งขึ้น
✅ 3. เหมาะกับงาน “แนวราบ” โดยตรง
กล้องระดับ ใช้ วัดความต่างระดับแนวราบได้แม่นยำ
กล้องวัดมุม (Theodolite) ใช้ วัดมุมในแนวดิ่ง / ฉาก
กล้อง Total Station ใช้ วัดพิกัด, มุม, ระยะ (แต่ราคาแพง + ใช้ยากกว่า)
กล้องระดับ คือเครื่องมือเฉพาะทางสำหรับงาน “วัดระดับ” โดยเฉพาะ!
✅ 4. ประหยัดกว่าเครื่องมืออื่นมาก
กล้องระดับ ราคาโดยประมาณ เริ่มต้น ~5,000 – 15,000 บาท
กล้องวัดมุม ราคาโดยประมาณ ~20,000 – 40,000 บาท
Total Station ราคาโดยประมาณ 80,000 – 300,000+ บาท
กล้องระดับจึงเหมาะสำหรับ ช่างทั่วไป, ผู้รับเหมารายย่อย, หรือทีมงานสร้างบ้าน
✅ 5. ตรวจสอบความเอียงของพื้นหรือผนังได้ง่าย
ตรวจได้ว่าพื้นเอียงผิดหรือไม่ เทพื้นเรียบในระดับเดียวกันทั้งอาคาร ใช้กล้องยิงจากจุดเดียว → ตรวจได้ทั้งแนว
สรุป: กล้องระดับ = เครื่องมือหลักของช่างสร้างบ้าน
เหตุผลที่ช่างเลือกใช้
✅ แม่นยำระดับมม. เพราะ... จำเป็นกับงานวางระดับ
✅ ใช้ง่ายตั้งไว เพราะ... ไม่ซับซ้อน ใช้ได้แม้เป็นมือใหม่
✅ ประหยัด เพราะ... คุ้มค่ากับการใช้งาน
✅ เหมาะกับแนวราบ เพราะ...งานสร้างบ้านเน้นความเรียบของพื้น/คาน
✅ ตรวจสอบได้เร็ว เพราะ...คุมคุณภาพงานได้ในทุกขั้นตอน
10 ก.ค. 2568
10 ก.ค. 2568